Present time
1. Present Simple Tense
Present Simple Tense คือ การพูดถึงเรื่องทั่วไป เรื่องที่ทำซ้ำ ๆ ในปัจจุบัน
2. รูปของ simple present และ present continuous
- S + V.1 ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 (He, She, It, The library, a dog, etc…) กริยาต้องเติม s/es
- He drives a taxi.
- She eats pizza.
- I live in Bangkok.
- She eats pizza.
- I live in Bangkok.
- S + Auxiliary Verb (กริยาช่วย) + V.1 (V.1 ไม่เติม s/es)
- She can play tennis.
- We must work hard.
- We must work hard.
3. Adverbs of Frequency: กริยาวิเศษณ์แสดงความถี่
Adverbs of Frequency คือ กริยาวิเศษณ์แสดงความถี่ โดยเราจะนำ Adverbs of Frequency มาช่วยในการบ่งบอกถึงความบ่อยหรือความถี่ (how often) ของเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งคำเหล่านี้นั้นมีอยู่มากมาย โดยที่มักเห็นได้ทั่วไป นั่นก็คือ
always | เป็นประจำ, อย่างสมํ่าเสมอ |
often | บ่อยๆ |
frequently | บ่อยๆ |
usually | โดยปกติ |
sometimes | บางครั้ง |
mostly | โดยส่วนใหญ่ |
normally | โดยปกติแล้ว |
generally | โดยทั่วไป |
repeatedly | ซ้ำไปซ้ำมา |
occasionally | ในบางโอกาส |
*seldom | ไม่ค่อยจะ, นานๆครั้ง |
*hardly | แทบจะไม่ |
*barely | แทบจะไม่ |
*rarely | แทบจะไม่ |
*scarcely | แทบจะไม่ |
*never | ไม่เคย |
*คำว่า seldom, hardly, barely, rarely, scarcely, never เป็นคำที่มีความหมายเป็นเชิงปฏิเสธอยู่แล้ว เราจึงไม่ควรทำให้ประโยคเป็นรูปปฏิเสธอีก เมื่อใช้คำเหล่านี้ เช่น I hardly cook. = ฉันแทบจะไม่เคยทำกับข้าวเลย และนอกจากคำเหล่านี้ยังมี Adverbs อีกมากมายที่สามารถนำมาใช้ในการบ่งบอกถึงความถี่ได้ เช่น
infrequently | นานๆที |
habitually | ทำเป็นประจำจนเป็นนิสัย |
chiefly | โดยส่วนใหญ่ |
continuously | ติดต่อกัน, เรื่อยๆ |
constantly | สม่ำเสมอ |
commonly | โดยทั่วไป |
regularly | สม่ำเสมอ |
sporadically | นานๆครั้ง |
periodically | เป็นบางครั้งบางคราว |
intermittently | เป็นพักๆ |
spasmodically | เป็นพักๆ |
และนอกจากคำเหล่านี้แล้ว ยังกลุ่มคำที่ผสมกันซึ่งสามารถแสดงถึงความถี่ได้ เช่น once a week, twice a day, every year และอื่นๆ
4. การเติม s ที่ท้ายคำ
หลักการเติม s es มีดังนี้
หากประธานเป็นเอกพจน์ กริยาเติม s,es ส่วนประธานพหูพจน์ไม่ต้องเติมนะครับ หลักการเติมมีดังนี้
1.เติม s หลังคำกริยาปกติทั่วๆ ไป เช่น

2. เติม es หลังคำหริยาที่ลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, z และ o เช่น

- - ถ้าลงท้ายด้วย -shes ให้ออกเสียง เช็ส ต่อท้าย แต่ ช ช้างออกเสียงคล้ายไล่ไก่
- - ถ้าลงท้ายด้วย -ches ให้ออกเสียง เช็ส ต่อท้าย และช ช้างออกเสียงเหมือน ช ช้างของไทย
- - ถ้าลงท้ายด้วย -ses ให้ออกเสียง เซ็ส ต่อท้าย
- - ถ้าลงท้ายด้วย -ses ให้ออกเสียง เซ็ส ต่อท้าย
- - ถ้าลงท้ายด้วย -zes ให้ออกเสียง เซ็ส ต่อท้าย แต่ต้องทำเสียงสั่น ๆ ในลำคอหน่อย
- 5. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y มี 2 ประการ ดังนี้
- หน้า y เป็นสระ ( a , e , i , o , u ) ให้เติม s ได้เลย เช่น
แต่หน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น